ฝ้า : สาเหตุฝ้า พฤติกรรมเสี่ยง และวิธีรักษาฝ้า พร้อมนวัตกรรมใหม่เพื่อฝ้าโดยเฉพาะ

ฝ้า เป็นปัญหาผิวที่พบบ่อยในคนไทย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเผชิญกับแสงแดดและมลภาวะ ฝ้ามักปรากฏเป็น รอยคล้ำสีน้ำตาล หรือสีเทาอมน้ำตาล บนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก เหนือริมฝีปาก และคาง

ฝ้า สาเหตุของฝ้า พฤติกรรมที่ทำให้ฝ้ารุนแรงขึ้น วิธีป้องกันฝ้า รักษาฝ้า

แม้ว่าฝ้าจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่กลับส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้ที่เป็นอย่างมาก ทำให้หลายคนมองหาวิธีรักษาฝ้าให้ได้ผล จึงจะพาคุณมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ฝ้า สาเหตุของฝ้า พฤติกรรมที่ทำให้ฝ้ารุนแรงขึ้น วิธีป้องกันฝ้า และรักษาฝ้าที่เหมาะสม พร้อมแนะนำนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยลดฝ้าได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ฝ้า คืออะไร

ฝ้า (Melasma) คือ ภาวะของผิวหนัง ที่มีลักษณะปรากฏเป็น จุด หรือ ปื้นสีคล้ำที่มีขอบไม่ชัดเจน สีของฝ้าอาจเป็นสีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม หรือสีเทาคล้ำ ขึ้นอยู่กับความลึกของเม็ดสีที่สะสมอยู่ในชั้นผิวหนัง พบได้ทั้งชายและหญิง แต่จะพบบ่อยโดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 20-50 ปี ซึ่งมักพบฝ้าได้บ่อยบริเวณใบหน้า เช่น หน้าผาก แก้ม จมูก และเหนือริมฝีปาก แต่อาจเกิดขึ้นที่อื่น ๆ บนร่างกายที่ได้รับแสงแดดมากเช่นกัน

สาเหตุของฝ้า

ฝ้า เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของเซลล์เมลาโนไซต์ (Melanocyte) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ผลิตเม็ดสีเมลานิน เม็ดสีนี้ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากแสงแดด แต่เมื่อมีปัจจัยกระตุ้นมากเกินไป จะทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีมากผิดปกติ ส่งผลให้เกิดฝ้า

ปัจจัยที่อาจทำให้เกิดฝ้า

  • แสงแดดและรังสียูวี ถือเป็นตัวกระตุ้นหลักของการเกิดฝ้า รังสี UVA และ UVB จากแสงแดดกระตุ้นเซลล์เมลาโนไซต์ให้ผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ทำให้เกิดฝ้าได้ง่าย โดยเฉพาะในคนที่ไม่ป้องกันแสงแดดอย่างเหมาะสม
  • ฮอร์โมนที่ผิดปกติ มักพบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ (“ฝ้าคนท้อง” หรือ Melasma Gravidarum) เนื่องจากระดับเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้น โดยฮอร์โมนทั้งสองตัวนี้มีผลโดยตรงต่อการสร้างเม็ดสี นอกจากนี้การใช้ยาคุมกำเนิด การบำบัดด้วยฮอร์โมน และภาวะฮอร์โมนแปรปรวนก็อาจเป็นปัจจัยเสริมที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าได้
  • กรรมพันธุ์ หากคนในครอบครัวมีปัญหาฝ้า โอกาสที่คุณจะเป็นฝ้าก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
  • มลภาวะและปัจจัยภายนอก ฝุ่น ควัน สารเคมีบางชนิด หรือแม้กระทั่งแสงสีฟ้าจากมือถือและคอมพิวเตอร์ สามารถกระตุ้นการสร้างเม็ดสีได้ หรืออาจเกิดการผิวอักเสบและเป็นฝ้าได้ง่าย
  • การใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ที่เสี่ยงต่อการระคายเคือง สารบางชนิด เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารผลัดเซลล์ผิวที่รุนแรง อาจทำให้ผิวไวต่อแสงและเกิดฝ้าได้ง่ายขึ้น

พฤติกรรมที่ทำให้ ฝ้า รุนแรงขึ้น

  • ออกแดดโดยไม่ทาครีมกันแดด ยูวีจะกระตุ้นการผลิตเม็ดสี ถ้าไม่ป้องกันจะยิ่งทำให้ฝ้าเข้มขึ้น
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารอันตราย เช่น ไฮโดรควิโนน สเตียรอยด์ หรือปรอท อาจทำให้ผิวบางและไวต่อแสง
  • ขัดผิวหรือสครับบ่อยเกินไป อาจทำให้ผิวระคายเคืองและกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเพิ่มขึ้น
  • ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ มีผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวหมองคล้ำและเกิดฝ้าได้ง่าย
  • ความเครียดและพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลต่อสมดุลของฮอร์โมนและการฟื้นฟูเซลล์ผิว

วิธีป้องกันฝ้าและรักษาฝ้า

  • ใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพ โดยควรมีค่า SPF 50+ และ PA++++ โดยควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง หากต้องออกแดดเป็นเวลานาน หรืออาจใช้อุปกรณ์กันแดดช่วยเสริมการป้องกันได้ เช่น หมวก แว่นกันแดด ร่มกันยูวี เป็นต้น
  • ดูแลร่างกายจากภายใน เช่น การทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผัก ผลไม้ วิตามินซี วิตามินอี
    ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้ผิวแข็งแรง ลดการอักเสบ
    หลีกเลี่ยงความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะความเครียดอาจกระตุ้นการผลิตเม็ดสีได้
  • รักษาด้วยเลเซอร์ หรือหัตถการทางการแพทย์ วิธีนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลและควบคุมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น หรืออาจเกิดซ้ำได้หากดูแลไม่ถูกวิธี
  • ใช้สกินแคร์ที่ช่วยลดเม็ดสีเมลานิน โดยเน้นส่วนผสมที่ช่วยลดหรือยับยั้งเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น Cysteamine, Vitamin C, Niacinamide และ Acétyl Glycyl ß-Alanine เป็นต้น

Mela Bright [C+] Serum – นวัตกรรมใหม่ช่วยลดฝ้าอย่างปลอดภัย

Mela Bright [C+] Serum เมลา ไบร์ท ซีพลัส เซรั่ม

หากคุณกำลังมองหา สกินแคร์ที่ช่วยลดและจัดการปัญหาฝ้าที่ปลอดภัย มีงานวิจัยและพิสูจน์แล้วเห็นผลจริง ขอแนะนำ Mela Bright [C+] Serum จากแบรนด์ ALPHASCIENCE เป็นเซรั่มแอนติออกซิแดนท์ที่มีส่วนผสมของ Cysteamine และ L-ascorbic Acid

Mela Bright [C+] Serum ใช้ Stable Cysteamine ที่ได้จากการผสานกันของ Cysteamine และเทคโนโลยี NextGen® จนทำให้ได้สุดยอดสารแอนติออกซิแดนท์ที่มีประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาฝ้าฝังลึก ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการพิสูจน์ทางคลินิกแล้วว่า มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับไฮโดรควิโนน แต่ปลอดภัยกว่า ทาทิ้งไว้บนผิวได้โดยไม่ต้องล้างออก ไม่ทำร้ายผิวและไม่ทำให้ระคายเคือง สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

ส่วนผสมหลักของ Mela Bright [C+] Serum

เป็นการรวมกันของสารแอนติออกซิแดนท์ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างเสถียร และมีประสิทธิภาพ รวมไว้ในขวดเดียว ไม่ว่าจะเป็น

  • Stable Cysteamine

โดดเด่นเรื่องการต้านอนุมูลอิสระและลดเม็ดสี (Depigmentation) ได้หลายกลไก ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน สามารถจัดการฝ้าได้อย่างทรงพลัง ได้รับสิทธิบัตรและพิสูจน์แล้วว่าทำงานเสถียร ให้ผลลัพธ์การรักษาฝ้าเทียบเท่า Hydroquinone 4% แต่ปลอดภัยกว่าทำร้ายผิว

  • Stabilized L-Ascorbic Acid (สูตร NextGen® Technology เอกสิทธิ์เฉพาะของ ALPHASCIENCE)

วิตามินซีบริสุทธิ์ สูตรเอกสิทธิ์เฉพาะที่มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จัดการริ้วรอย ปรับสภาพผิวให้แลดูกระจ่างใสขึ้น ลดปัจจัยผิวเสียจากแสงแดด ลดเลือนและป้องกันการเกิดจุดด่างดำ 

  • Phytic Acid

ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดปัจจัยผิวเสียจากสภาพแวดล้อมและมลภาวะต่างๆ แก้ไขปัญหาริ้วรอย ควบคุมความมันบนผิวให้สมดุล ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว เพิ่มความชุ่มชื้นผิว เมื่อทำงานร่วมกับวิตามินซี จะช่วยป้องกันผิวเสียจากแสงแดด และคงความเสถียร คงประสิทธิภาพให้กับวิตามินซี

  • GenoWhite 

เป็นเปปไทด์ที่ช่วยแก้ไขปัญหาฝ้าตื้น จุดด่างดำ และเพิ่มความกระจ่างใส ให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • Ginkgo Biloba

หรือ แปะก๊วย มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดการอักเสบของผิว ลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน และเพิ่มความกระจ่างใสแก่ผิว

Mela Bright [C+] Serum ทำงานต่อผิวอย่างไร

Mela Bright [C+] Serum ทำงานต่อผิวอย่างไร

1 Vitamin C (L-ascorbic Acid), GenoWhite, Ginkgo biloba, Cysteamine ช่วยป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระในระดับ DNA

2 Cysteamine และ GenoWhite จัดการปัญหาฝ้าและจุดด่างดำฝังลึกได้อย่างตรงจุด Cysteamine, GenoWhite, Vitamin C (L-ascorbic Acid) และ Phytic Acid ออกฤทธิ์โดยตรงกับกระบวนการสร้างและควบคุมเม็ดสีเมลานิน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสีผิวผิดปกติในทุก Skin Phototype ของ Fitzpatrick ตั้งแต่ I – VI

3 Ginkgo biloba ป้องกันการอักเสบ

4 GenoWhite ควบคุมการขนส่งเม็ดสี โดยทำให้ Melanocyte Dendrite และท่อส่งเม็ดสีอ่อนแอลง อีกทั้งลดกระบวนการรับเม็ดสีของเซลล์ผิวด้วยวิธี Phagocytosis

5 Cysteamine, Phytic Acid และ Vitamin C (L-ascorbic Acid) ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก

ผลการทดสอบประสิทธิภาพ

ผลการศึกษาทางคลินิกเบื้องต้นหลังใช้ Mela Bright [C+1 Serum 2 เดือน

การศึกษาทางคลินิกเปรียบเทียบใบหน้า 2 ฝั่ง (Hemifacial) เพื่อประเมินประสิทธิภาพการลดเม็ดสี และการต่อต้านริ้วรอยของ Mela Bright [C+] Serum เปรียบเทียบกับ Hydroquinone 4% ในกลุ่มผู้ใช้จริง 25 ราย โดยแพทย์ผิวหนัง Dr. Nakano, AOI Clinic, เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

  • การรักษาทั้ง Mela Bright [C+] Serum และ Hydroquinone 4% มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน
  • ใบหน้าฝั่งที่ใช้ Mela Bright [C+] Serum พบว่า
    • ฝ้าลดลง 84%
    • ริ้วรอย รูขุมขน ความมันบนผิวลดลง

การศึกษาการระรายเคืองของผิวหนังด้วยการทดสอบการระคายเคือง

การประเมินทางคลินิกภายใต้การควบคุมของแพทย์ผิวหนังในอาสาสมัคร 25 คน 100% ของอาสาสมัครสามารถใช้ได้โดยไม่มีการระคายเคือง และผลิตภัณฑ์ไม่มีสารที่เป็นพิษที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ

*อ้างอิงงานวิจัย MELASMA: A HEMIFACIAL STUDY ON A CYSTEAMINE SERUM AS AN ALTERNATIVE TO HYDROQUINONE

Share