Cysteamine ส่วนผสมที่คนเป็นฝ้าต้องรู้จัก

Cysteamine เป็นสารในกลุ่ม Aminothiol ที่ได้รับการวิจัยและยอมรับทั่วโลกว่ามีประสิทธิภาพในการลดเม็ดสี (Depigmentation) ช่วยรักษาปัญหาฝ้าดื้อ ฝ้าเรื้อรัง จุดด่างดำฝังลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากทาทิ้งไว้นานจะเกิดการตกค้าง และการอักเสบบริเวณผิวหน้าได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องล้างออกภายใน 30 นาที

สุดยอดส่วนผสมที่ให้ผลลัพธ์เทียบเท่ายารักษาฝ้า

ในช่วงปี 2010 มีการศึกษาเรื่องการใช้สาร Cysteamine ในการรักษาฝ้า และได้มีงานวิจัยขึ้นในปี 2015 ตีพิมพ์เกี่ยวกับการรักษาฝ้าของสกินแคร์ที่ใช้ Cysteamine ลงในวารสาร American Academy of Dermatology 

Cysteamine มีงานวิจัยมากมายที่ระบุว่าให้ประสิทธิภาพในการลดเม็ดสี (Depigmentation) ทำให้ฝ้าดื้อ ฝ้าเรื้อรัง หรือจุดด่างดำที่ฝังลึกดีขึ้นได้ ซึ่งมีหน้าที่ช่วยฝ้าให้ดีขึ้นได้ดังนี้

  • ยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase และเอนไซม์ Peroxidase
  • สารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง (Powerful Antioxidant)
  • ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ Hydroxy free radicals และ Photooxidation
  • เร่งการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก (Keratolytic Effect)
  • เพิ่มระดับ Glutathione ภายในเซลล์ เปลี่ยนการสร้าง Eumelanin (เม็ดสีผิวเข้ม) เป็น Pheomelanin (เม็ดสีผิวอ่อน)
  • ยับยั้ง Indole Polymerisation ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกและสุดท้ายของการสร้างเม็ดสี
  • ช่วยขจัด Dopaquinone ซึ่งเป็นสารตั้งต้นการสร้างเม็ดสีผิว
  • ยับยั้ง Fenton-type Reaction ผ่าน Iron และ Copper Ion Quenching
  • มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory Effect) โดยขัดขวางการทำงานของ ROS – Mediated Inflammatory Cascades และยับยั้งโปรตีน Transglutaminase-2

Cysteamine ไม่ได้ดีแค่รักษาฝ้า

เพราะเป็นทั้ง Whitening และ Antioxidant ปกป้องผิวจากแสงรังสี UV ไม่ให้โดนทำร้าย

Whitening ลดฝ้าดื้อ ฝ้าเรื้อรัง จุดด่างดำฝังลึก

สารไวท์เทนนิ่ง มีฤทธิ์ในการลดเม็ดสี (Depigmentation) ได้หลายกลไก สามารถรักษาฝ้า รอยดำจากการอักเสบ กระ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Antioxidant สารต้านอนุมูลอิสระ 

ช่วยปกป้องผิวจากการโดนทำร้ายจากแสงแดด มลภาวะ ช่วยปกป้องผิวไม่ให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ และผิวเสื่อมสภาพในอนาคต

แม้ Cysteamine จะมีประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งมากแค่ไหน แต่ทำไมถึงไม่นิยม?

หลังจากที่มีงานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของสาร Cysteamine จากนั้นวงการสกินแคร์ก็เริ่มศึกษาทดลองกันมากขึ้น แต่ยังไม่มีแบรนด์ไหนที่สามารถนำสารนี้มาใช้ได้ เนื่องจากกลิ่นเฉพาะตัวที่ไม่พึงประสงค์ ความเปราะบาง แตกตัวง่าย และผลข้างเคียงที่อาจเกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง หากไม่ล้างออกหลังใช้

จนกระทั่ง ทีมวิจัยของ ALPHASCIENCE ได้เล็งเห็นจึงทำการวิจัยและพัฒนา โดยการวิจัยเทคโนโลยีที่ชื่อว่า NextGen® ขึ้นมา เพื่อทำให้ Cysteamine เกิดความเสถียรมากขึ้น สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องล้างออก ไม่มีผลข้างเคียงกับร่างกาย หรือไม่มีอาการไม่พึงประสงค์ต่างๆ มีความปลอดภัยสามารถใช้ได้ต่อเนื่องในระยะยาว และมีกลิ่นที่เบาลงจากเดิมค่อนข้างมาก

จนเกิดนวัตกรรม Cysteamine เอกสิทธิ์เฉพาะที่ได้รับสิทธิบัตรชนิดแรกของโลก

ที่สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องล้างออกเพื่อประสิทธิภาพที่สูงกว่าทั่วไป หนึ่งเดียวที่แพทย์ผิวหนังทั่วโลกยอมรับว่าปัญมีประสิทธิภาพสูงในการลดหาฝ้า ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยแทนการใช้ Hydroquinone 4% สำหรับรักษาความผิดปกติของเม็ดสีผิว

Share